เมื่อหมอมีอึเกรด A
เวลาพูดถึงการตรวจเช็คสุขภาพ คนส่วนใหญ่จะนึกถึงการเจาะเลือดตรวจ แต่จริงๆแล้วนอกจากเลือด ยังมีอีกแหล่งข้อมูล ที่เปรียบเสมือนขุมสมบัติ บอกสุขภาพของเราได้อีกทาง นั่นคือ อุจจาระ หรือ อึ!
การจะเข้าใจว่า อึ เป็นลายแทงสุขภาพได้อย่างไร ต้องเข้าใจเรื่องของประชากรแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ก่อน
ในลำไส้ใหญ่ของเรานั้น เปรียบเสมือนสลัม ที่มีประชากรแบคทีเรียหลากหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่ โดยแบคทีเรียเหล่านี้ ไม่ได้อาศัยอยู่เฉยๆ แต่ยังส่งผลกับสุขภาพของเราด้วย ประชากรแบคทีเรียที่ดี ก็จะช่วยจัดระเบียบสลัม เก็บกวาดพื้นที่ให้เรียบร้อย ไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือการอักเสบ ส่งผลให้สุขภาพลำไส้แข็งแรง ภูมิคุ้มกันทำงานเข้มแข็ง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็งลำไส้ เบาหวาน
ในขณะที่ประชากรแบคทีเรียเกเร ก็จะทำให้สิ่งแวดล้อมเสียสมดุล รบกวนสุขภาพ ส่งผลให้ลำไส้อ่อนแอ ก่อการอักเสบ ภูมิคุ้มกันทำงานรวน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ รวมถึงโรคอ้วนลงพุง
ซึ่งในลำไส้ใหญ่ของพวกเราแต่ละคน จะมีประเภท ปริมาณ และความหลากหลายของประชากรแบคทีเรียต่างกันไป
การเอาอุจจาระมาตรวจหา ว่ามีประชากรแบคทีเรียประเภทใดหลุดมากับอุจจาระบ้าง จึงเปรียบเสมือนการสำรวจสำมะโนประชากรแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ โดยปัจจุบันสามารถตรวจได้ ด้วยเทคโนโลยี Next Generation Sequencing ตรวจหาดีเอ็นเอสายพันธุ์ต่างๆของแบคทีเรีย เรียกการตรวจนี้ว่า Gut Microbiome Test
ในอดีต การตรวจนี้จัดว่ายุ่งยาก ค่าใช้จ่ายสูง จึงมีการตรวจเฉพาะเพื่องานวิจัย แต่ในปัจจุบัน สามารถส่งตรวจได้ง่ายขึ้น ราคาลดลง (แต่ก็ยังจัดว่าแพง) แต่หมอมีโอกาสได้ตรวจแบบไม่มีค่าใช้จ่าย เลยตัดสินใจลองส่งอึเข้าประกวด ตรวจดูสักครั้ง ยอมรับว่า ก่อนจะตรวจก็ลุ้นไม่น้อย ถ้าผลออกมาสอบตก คงจะต้องย้อนกลับไปอ่านหนังสือ Microbiota อวัยวะที่ถูกลืม ที่เขียนเองใหม่อีกครั้ง!
รายงานผลการตรวจแบ่งเป็นหลายด้าน ด้านแรก ซึ่งจัดว่าสำคัญที่สุดคือ Diversity Score หรือคะแนนความหลากหลายของประชากรแบคทีเรีย โดยตามทฤษฎีแล้ว ยิ่งหลากหลายมาก ลำไส้ก็จะมีความแข็งแรงทนทานมาก และยิ่งส่งผลดีกับสุขภาพ มีงานวิจัยในกลุ่มผู้สูงอายุที่สุขภาพดี พบว่าทุกคนล้วนมีความหลากหลายของประชากรแบคทีเรียสูง
สำหรับของหมอเองนั้น พบว่า Diversity Score = 95 จากคะแนนเต็ม 100 จัดว่าสอบผ่านในแง่ความหลากหลาย และเป็นสายพันธุ์ที่ทำงานเสริมกัน น่าจะเป็นผลจากการพยายามกินอาหารหลากหลาย สลับสับเปลี่ยนประเภทไปเรื่อยๆ ไม่กลัวที่จะลองอะไรแปลกใหม่ และพยายามเลี่ยงอาหารแปรรูป
ค่าต่อมาคืออัตราส่วนระหว่างประชากรดี กับประชากรไม่ดี หรือ Beneficial / Harmful Bacteria ซึ่งโดยเฉลี่ยของคนทั่วไปจะเท่ากับ 85% / 15%
สำหรับของหมอนั้น พบว่าประชากรแบคทีเรียดีล้นหลามยึดครองพื้นที่เป็นอัตราส่วน 99% / 1% จัดว่าพลเมืองดีล้นเมือง โดยเฉพาะน้องๆในตระกูล Bifidobacteria กับ Lactobacillus รวมไปถึง Akkermansia muciniphilia ซึ่งวิจัยพบว่ามีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
ต่อมาคือการประเมินว่าประชากรแบคทีเรียที่มี เป็นผลจากแพทเทิร์นการรับประทานอาหารรูปแบบไหน โดยแบ่งเป็นสามรูปแบบคือ คนกินเนื้อ คนกินทั้งเนื้อทั้งผัก และคนกินผักเป็นหลัก ผลพบว่า หมอมี Enterotype เป็น Vegetarian คือลักษณะของคนกินผักเป็นหลัก โดยมีแบคทีเรียเด่นคือ Prevotella ซึ่งถือว่าแม่นพอสมควร เพราะสำหรับคนที่ติดตาม Instagram เห็นเมนูอาหารเกือบทุกเช้าของหมอ จะทราบดีว่าหมอเป็นคนกินเนื้อสัตว์ไม่มาก แม้จะไม่ถึงขั้นเป็นวีแกน
สรุปโดยภาพรวมคือ อึของหมอนั้นสอบผ่านได้เกรด A สะท้อนให้เห็นว่าความพยายามดูแลการรับประทานอาหารที่ผ่านมานั้น น่าจะมาถูกทางแล้ว แต่ก็ยังคงต้องดูแลกันต่อไป เพราะประชากรแบคทีเรียนั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆได้ ถ้าช่วงไหนเกเร กินไม่ดี เครียด รับประทานยา หรือเจ็บป่วยด้วยโรคบางอย่าง ลักษณะของประชากรก็จะเปลี่ยนไปได้ และที่สำคัญคือ แม้จะสอบผ่าน แต่ก็ยังมีหลายด้านที่ต้องปรับปรุง เพื่อให้ดียิ่งขึ้นไปอีก (คะแนนยังเป็นเกรดเอแบบปริ่มๆ)
การตรวจ Gut Microbiome Test นี้ ไม่ใช่การตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค และไม่ใช่การตรวจพื้นฐานที่จำเป็นต้องตรวจแต่อย่างใด เป็นแค่ทางเลือกในการตรวจเพื่อประเมินสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะนำไปสู่การปรับอาหารให้สุขภาพลำไส้ดีขึ้นได้ต่อไป
สำหรับคนที่อยากได้อึเกรดเอแบบหมอ ลองทำตามทิปการกินที่หมอใช้เป็นประจำดังนี้นะคะ
เพิ่มกากใยในอาหาร ด้วยการกินผักผลไม้หลากหลาย ตั้งเป้าวันละ 5 กำมือ
- หมั่นเสาะหาวัตถุดิบแปลกใหม่มาปรุงอาหาร รวมถึงลองอาหารสัญชาติต่างๆเพิ่มความหลากหลายของเครื่องปรุง
- หมั่นเลี้ยงน้องๆแบคทีเรียดีด้วยผักกลิ่นฉุนที่มีพรีไบโอติก เช่น หัวหอมใหญ่ ต้นหอม กระเทียม
- เสริมกองทัพด้วยอาหารที่มีโปรไบโอติก เช่น โยเกิร์ต นัตโตะ มิโสะ ปลาร้า
- เลี่ยงการกินยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น
ก่อนหน้านี้ น้องๆประชากรแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่เรานั้น มีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมหาศาล หมอจึงตั้งชื่อน้องๆเหล่านี้ว่าเปรียบเสมือน “อวัยวะที่ถูกลืม” แต่ในปัจจุบัน งานวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของน้องๆมีมากขึ้นเรื่อยๆ และการตรวจอึเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับน้องๆก็ทำได้สะดวกขึ้น ในวันนี้ น้องๆเหล่านี้จึงไม่ใช่อวัยวะที่ถูก”ลืม”อีกต่อไป
หมอผิง พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล www.twitter.com/thidakan www.instagram.com/thidakarn
Ref. 1. Precup, G., & Vodnar, D. (2019). Gut Prevotella as a possible biomarker of diet and its eubiotic versus dysbiotic roles: A comprehensive literature review. British Journal of Nutrition, 122(2), 131-140. 2. Iljazovic, A., Roy, U., Gálvez, E.J.C. et al. Perturbation of the gut microbiome by Prevotella spp. enhances host susceptibility to mucosal inflammation. Mucosal Immunol 14, 113–124 (2021). 3. Lynch, Susan V, and Oluf Pedersen. “The Human Intestinal Microbiome in Health and Disease.” The New England journal of medicine vol. 375,24 (2016): 2369-2379. 4. Deng F, Li Y, Zhao J. The gut microbiome of healthy long-living people. Aging (Albany NY). 2019;11(2):289-290.
Comments